Sunday, October 13, 2013

เที่ยวพม่าในวันฟ้าฉ่ำฝน

โดย...หม่องแถวนี้

ในวันที่ฟ้าฉ่ำฝน ผืนไร่ท้องนาเต็มไปด้วยน้ำและความเขียวขจี สรรพชีวิตต่างตื่นขึ้นมาจากความหลับใหลอย่างเหนื่อยล้ากับความร้อนที่ผันผ่าน...
นี่เป็นช่วงเวลาของการเติบใหญ่อย่างแท้จริงของชีวิตของทั้งพืชและสัตว์โลก
ทุกสรรพชีวิตล้วนแล้วแต่ต้องเดินไปตามวัฎจักรแห่งการดำรงอยู่ตามกาล
ภาพทุ่งนาสีเขียวนอกวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งของนครย่างกุ้งทำให้ผมรู้สึกสดชื่น เบื้องหลังเป็นภาพขององค์พระประธานหินอ่อนที่ซ่อนองค์อยู่ในครอบแก้วเพื่อป้องกันการขับถ่ายของหมู่วิหคทั้งนกกาและค้างคาว..
ผมกลับมาเยือนย่างกุ้งอีกครั้งในวันที่ "เมียนม่าร์" ประเทศเพื่อนบ้านของเรากำลังเปลี่ยนโฉมอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ทุกคนจะนึกถึง จากสงครามที่กระจัดกระจายทั่วประเทศที่กินเวลายาวนานกว่าห้าสิบปี หรือ คำ"ประชาธิปไตย" ที่ไม่เคยเบ่งบานในประวัติศาสตร์พม่าสมัยใหม่

ใครจะนึกว่าปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่สองปี ?

บทจะง่ายไอ้สิ่งที่ว่าเป็นไปไม่ได้ก็กลับง่ายเอาเสียดื้อ ๆ ซะงั้น
จากประเทศที่มีทรัพยากรมั่งคั่งแต่เก็บตัวราวกับฤาษีชีไพร พม่าได้เปิดประตูออกสู่โลกกว้างท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนจากทั่วโลกที่จับจ้องมองมายังประเทศนี้ด้วยสายตาวามวาวและราวกับจะเชื่อครึ่งหรือไม่เชื่อครึ่ง
การเปลี่ยนแปลงของพม่าที่คนต่างชาติอย่างผมรับรู้ได้อย่างเร็วที่สุดก็คือ "ราคา" และค่าครองชีพของประชาชนที่ดูเหมือนจะปรับตัวได้เร็วกว่าอย่างอื่นใดเสียอีก

โรงแรมระดับสี่ดาวที่เคยพักย่านรอบ ๆ ตลาดสก็อต จากราคา 50-60 เหรียญได้ปรับราคาขึ้นไป 3-4 เท่าจนน่าตกใจ !

ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือห้องพักแม้จะมีราคาแพงมากแต่กลับไม่พอต่อความต้องการพักของทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ

และความตั้งใจของผมในการเดินทางทริปนี้ก็คืออยากจะกลับไปเยี่ยมชมสิ่งต่าง ๆ และพบกับผู้คนที่น่าประทับใจก่อนที่สรรพสิ่งจะเปลี่ยนไปตามกาล

และสถานที่ที่ผมจะเดินทางไปในครั้งนี้นอกเหนือจากการสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาเจดีย์ชเวดากอง, เทพทันใจ ในย่างกุ้งแล้ว ผมยังต้องการที่จะเดินทางไปกราบองค์พระธาตุมุเตาแห่งเมืองหงสา และขึ้นเหนือสู่พุกามกับมัณฑะเลย์อดีตราชธานีเก่าอีกด้วย

ใช้เวลาที่มีอย่างจำกัด 6 คืน ก็ได้รูปมาฝากกันครับ


องค์พระธาตุมุเตาแห่งเมืองหงสา


เจดีย์หัก จุดอธิษฐานที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


เด็กน้อยยื่นขายมาลัยริมทาง


มุมมองจากบัลลังค์ของกษัตริย์บุเรงนอง


พระพุทธรูปสี่ทิศระหว่างทางไปเมืองพุกาม


ตลาดใหญ่กลางเมืองมีข้าวของขายนานาชนิด


เครื่องไม้แกะสลักก็มีมาก ล้วนแล้วแต่สวยงามน่าสนใจ


มหาเจดีย์


คุณยายร้อยดอกปาริชาตขายในวัดเลี้ยงชีพ


สามเณรน้อยนั่งพักผ่อนพร้อมด้วยบาตรในมือ


เยี่ยมชมมหาเจดีย์


องค์พระยืนที่มีประดิษยฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ


รีสอร์ทที่พัก สวยงามระดับห้าดาว


มุมหนึ่งของรีสอร์ท


ไกลออกไปคือกลุ่มโบราณสถานที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในพุกาม


มุมมองจากระเบียงห้องพักก็ยังมีทิวทัศน์ของเจดีย์และโบราณสถาน


ปีนขึ้้นสู่จุดชมวิวที่เจดีย์


ภาพของทุ่งเจดีย์แห่งเมืองพุกาม


อีกมุมหนึ่ง


เหนือลำน้ำอิระวดีก่อนอาทิตย์อัสดง


ตะวันกำลังจะลาลับฟ้ามองจากจุดชมวิว


งดงามจับใจกับแสงสีสุดท้ายของวัน


ดวงตะวันยังคงที่เดิม เหล่าสถูปก็ยังคงเดิม มีแต่คนที่เปลี่ยนแปลง


เจ้าหนูกับทานาคาบนหน้า เก๋ไก๋ไปอีกแบบ


สะพานอูเบียนท่ามกลางแสงแดดจ้า


ทางสัญจร


คุณยายขอทานมองอดีตของตนผ่านคู่รักหนุ่มสาว


เรือสัญจรจอดพักริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี


ปืนใหญ่กระบอกโต แต่มิอาจปกป้องอาณาจักรจากผู้รุกราน


หอคอยมัณฑะเลย์ จุดที่พระนางศุภยลัตทอดพระเนตรเห็นกองเรือรบอังกฤษด้วยความสิ้นหวัง


ร้านอาหารอร่อยริมน้ำ


จุดอธิษฐานที่มหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด



สาวนักดนตรีพม่าที่ร้านอาหารการเวก

กลับจากพม่าในครั้งนี้ผมไม่ทราบเลยว่า การเดินทางสู่ประเทศเพื่อนบ้านของเราในครั้งต่อไปของผมนั้นจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ และจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่รออยู่บ้าง ดังนั้นในทริปนี้ผมจึงพยายามที่จะเก็บเกี่ยวบรรยากาศไว้เป็นความทรงจำให้มากที่สุด

อย่างว่าละนะ ชีวิตของคนไหนเลยจะเอาแน่นอน ?

ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า "สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน" ซึ่งก็คือเรื่องจริง และผู้คิดคำพูดนี้มาได้ก็คงเป็นนักปรัชญาท่านหนึ่งที่ผ่านชีวิตมามาก...

ในสายลมบางเบาริมฝั่งแม่น้ำอิระวดียามเย็น ผมแว่วเสียงเพลงจากภูเขาไกลตาที่อยู่เบื้องหน้า...

ฉันหลับตาลงชั่วขณะและเวลาก็ได้ผ่านพ้น
ความฝันทั้งมวลล้วนผันผ่านก่อนที่จะลืมตาและรับรู้เรื่องราวอันน่าประหลาด
ฝุ่นในสายลม...เราทั้งมวลเป็นเพียงฝุ่นในสายลม....


เหมือนเพลงเก่า...ดุจเพียงแค่หยดน้ำไหลลงสู่ทะเลที่ไร้ขอบเขต
ทุกสิ่งที่เราทำจะภิณพ์พังลงกับพื้น ราวกับเศษขยะที่ไร้ค่าแม้แต่จะเหลือบแล
ฝุ่นในสายลม...เราทั้งมวลเป็นเพียงฝุ่นในสายลม....


อย่ามัวแต่ยึดมั่นถือมั่น.. ไม่มีอะไรที่จะคงอยู่ไปได้ตลอดกาลใต้โลกและท้องฟ้า
มันจะจากไป ไม่ว่าเงินหรือของมีค่าใดก็ไม่อาจซื้อเวลาคืนกลับได้แม้นาที
ฝุ่นในสายลม...เราทั้งมวลเป็นเพียงฝุ่นในสายลม....
ฝุ่นในสายลม...ทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นฝุ่นในสายลม...





No comments:

Post a Comment

อ่านเรื่องราวต่างๆ แล้วอยากจะแบ่งปัน อยากถามต่อเชิญได้เลยครับ..