ยอดมะพร้าวที่แกว่งไกวรับกับสายลมเย็นสดชื่นริมหาดนูสาดัวที่เกาะบาหลีนั้นถือได้ว่าเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจครั้งหนึ่งในการเดินทางของผม
แค่ในราวสี่ชั่วโมงจากกรุงเทพ...ผมได้เดินทางมาถึงเกาะบาหลี
เกาะที่มีขนาดที่ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเกาะชวาและหมู่เกาะฟลอเรส
หมู่เกาะใหญ่ในจำนวนกว่า 16,000 เกาะที่รวมกันเป็นประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน
ที่บาหลีนั้นมีสนามบินนานาชาติที่ชื่อว่า
งูราไรย์ (Ngurah Rai International
Airport) ซึ่งเป็นชื่อของวีรบุรุษของชาติในประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งของอินโดนีเซีย การออกแบบตัวอาคารสนามบินงูราไรย์นั้นต้องบอกว่าคนละเรื่องกับการออกแบบสนามบินในเมืองไทยทีเดียวเพราะสนามบินทั่วๆ
ไปนั้นมักจะเน้นความหรูหราสะดวกสบายและงานสถาปัตยกรรมที่ดูไปในแนว Modern Style
เสียเป็นส่วนมาก ส่วนสนามบินที่นี่นั้นเขาออกแบบงานสถาปัตยกรรมให้กลมกลืนกับสภาพธรรมชาติของชาวเกาะบาหลีที่ประชากรส่วนใหญ่ของเกาะนับถือศาสนาฮินดู
อีกทั้งยังคำนึงถึงสภาพแวดล้อมข้างเคียงอีกด้วย
ดังนั้นสนามบินที่บาหลีนี้จึงเป็นเพียงอาคารสีแดงสูงประมาณ 3
ชั้นที่มีลักษณะเหมือนบ้านเป็นหลังขนาดใหญ่มากกว่าที่จะเป็นสนามบิน
ซึ่งก็ดูเท่ห์ไปอีกแบบหนึ่งและถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วก็น่าจะเป็นสนามบินบนเกาะสมุยอะไรประมาณนั้น...
หากเดินทางมาเป็นหมู่คณะทางโรงแรมจะเรียงหินต้อนรับให้ครับ
ส่วนในห้องพักก็จะจัด Fruit Basket ต้อนรับทุกห้องเลย
จากสนามบินมาถึงโรงแรมจะว่าไปแล้วก็เป็นระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก
เดินทางด้วยรถยนต์ก็จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
แต่ด้วยที่การจราจรบนเกาะบาหลีนั้นยังไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยมากนัก
ดังนั้นเราจึ่งใช้เวลาเดินทางมากกว่าเดิมคือประมาณสักครึ่งชั่วโมงได้
เมื่อถึงโรงแรมแล้วผมก็ได้แจ้งกับรีเซพชั่นว่าผมได้จองห้องมาในแบบ
“All inclusive package” ซึ่งเป็นแพคเกจที่รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างไว้แล้วทั้งห้องพัก,
กิจกรรมและการกินดื่มต่าง ๆ ในโรงแรมแบบไร้ขีดจำกัด
(งวดนี้กะว่าจะมาถล่มให้เต็มคราบเลย)
ทางเจ้าหน้าโรงแรมก็ดีใจหายพอทราบว่าผมใช้แพคเกจนี้ทางโรงแรมจะถือเสมือนว่าเป็น VIP
จึงได้นำไปยังห้องรับรองพิเศษเพื่อทำการเช็คอินพร้อมด้วยผ้าเย็นและเครื่องดื่มต้อนรับ
และหลังจากเช็คอินแล้วผมจะได้สายรัดข้อมือสีทองแบบมี Tag ติดข้อมือไว้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ย้ำว่าห้ามตัดออกเด็ดขาดในระหว่างที่พักอยู่ในโรงแรมเพราะสายรัดข้อมือนี้จะเป็นสัญลักษณ์ให้ส่วนบริการทุกส่วนของโรงแรมได้ทราบว่าแขกผู้ที่มีสายรัดข้อมือนี้สามารถที่จะใช้บริการจากทุกส่วนของโรงแรมได้
ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารต่าง ๆ (รวมแล้วห้าแห่ง, ฟิตเนสเซ็นเตอร์, เกมส์รูม,
อินเตอร์เนต, อุปกรณ์กีฬาทางน้ำทุกชนิด (ยกเว้นประเภทใช้มอเตอร์),
กิจกรรมเวิร์คชอป ฯลฯ
และเมื่อสิ้นสุดการพำนักหรือในวันเช็คเอาท์ทางโรงแรมก็จะเป็นผู้ตัดสายรัดออกเอง
ห้องพักที่ผมได้รับนั้นเป็นแบบห้องชมทะเลหรือ ซีวิว ที่มองเห็นทะเลบาหลีและชายหาดได้อย่างชัดเจน ภายในห้องก็มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ตามที่โรงแรมในระดับห้าดาวจะพึงมี แต่ที่น่าสนใจก็คือส่วนของห้องน้ำที่แบ่งเป็นทั้งส่วนเปียกและส่วนแห้งที่สำคัญตรงอ่างอาบน้ำมีหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถเปิดออกได้ทะลุถึงเตียงนอนได้โดยตรง ซึ่งเหมาะมากสำหรับคู่ฮันนีมูน (เฮ้อ! คิดแล้วอิจฉาจังเพราะเรามาเพียงคนเดียวโดด ๆ เลยเนี่ย) และเมื่อลองสำรวจมินิบาร์ หรือตู้เย็นเล็ก ๆ ที่ตั้งไว้บริการในห้องปรากฎว่าอัดแน่นไปด้วยเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถนำมาดื่มได้เพราะรวมอยู่ในแพคเกจด้วย ซึ่งทางโรงแรมเขาจะมาเติมเครื่องดื่มในมินิบาร์ให้เราวันละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นถ้าเราดื่มได้แบบไม่กลัวไตพัง (ยกเว้นหลังเที่ยงคืนไปแล้วจะไม่มีบริการรูมเซอร์วิสสำหรับเครื่องดื่มและมินิบาร์)
สายรัดข้อมือที่ต้องอยู่กับเราจนเช็คเอาท์
ห้องพักที่ผมได้รับนั้นเป็นแบบห้องชมทะเลหรือ ซีวิว ที่มองเห็นทะเลบาหลีและชายหาดได้อย่างชัดเจน ภายในห้องก็มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ตามที่โรงแรมในระดับห้าดาวจะพึงมี แต่ที่น่าสนใจก็คือส่วนของห้องน้ำที่แบ่งเป็นทั้งส่วนเปียกและส่วนแห้งที่สำคัญตรงอ่างอาบน้ำมีหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถเปิดออกได้ทะลุถึงเตียงนอนได้โดยตรง ซึ่งเหมาะมากสำหรับคู่ฮันนีมูน (เฮ้อ! คิดแล้วอิจฉาจังเพราะเรามาเพียงคนเดียวโดด ๆ เลยเนี่ย) และเมื่อลองสำรวจมินิบาร์ หรือตู้เย็นเล็ก ๆ ที่ตั้งไว้บริการในห้องปรากฎว่าอัดแน่นไปด้วยเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถนำมาดื่มได้เพราะรวมอยู่ในแพคเกจด้วย ซึ่งทางโรงแรมเขาจะมาเติมเครื่องดื่มในมินิบาร์ให้เราวันละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นถ้าเราดื่มได้แบบไม่กลัวไตพัง (ยกเว้นหลังเที่ยงคืนไปแล้วจะไม่มีบริการรูมเซอร์วิสสำหรับเครื่องดื่มและมินิบาร์)
ห้องนอนสะอาดสะอ้านสวยงาม
พร้อมมินิบาร์ที่ Refill ให้วันละครั้ง
ห้องอาบน้ำที่เปิดทะลุได้ถึงเตียงนอน
ทำความรู้จักกับห้องพักไปแล้วต่อไปก็ชะแว้ปไปเดินเล่นริมชายหาดซะหน่อย
ก็พบกับสาวสวยหนุ่มหล่อจากนานาชาติทั้งหัวดำหัวทองต่างพากันมานอนอาบแดดที่เก้าอี้ชายหาดและทำกิจกรรมชายหาดกันอย่างมากมาย
อืมม์สมกับคำร่ำลือว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวจากทั้งยุโรปและเอเชีย
โดยเฉพราะที่ผู้จัดการโรงแรมบอกเราว่าอัตราการเข้าพักนั้นสูงถึง 90 – 95 เปอร์เซ็นต์ที่เดียว
(พอฟังอย่างนี้แล้วอึ้ง อึ้ง และ อึ้งแทนโรงแรมดี ๆ สวย ๆ
ในเมืองไทยเหลือเกินเพราะอัตราการเข้าพักของเรานั้นใครได้ 70-80
เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าซู้ดยอดแล้ว)
บรรยากาศของโรงแรมมองจากภายนอก
ที่ชายหาดนั้นนอกเหนือจากผมจะได้เห็นสาวสวยหนุ่มหล่อแล้ว
ยังสังเกตเห็นเรือคยัก, เรือใบ, จักรยาน, สนามวอลเล่ย์บอลชายหาด,
สนามฟุตบอลชายหาด, สนามเปตอง
และสกูตเตอร์กับสปีดโบ๊ทจอดอยู่รอให้บริการกับนักท่องเที่ยว
ส่วนถัดเข้ามาด้านในก็จะมีสระว่ายน้ำสวย ๆ
อยู่สองสระที่ออกแบบสไตล์ฟรีฟอร์มมีเกาะต้นไม้อยู่ตรงกลางพร้อมด้วยบาร์เครื่องดื่มริมสระ
ส่วนบริเวณด้านหนึ่งนั้นมีแป้นบาสเกตบอลติดไว้ให้คนมาว่ายน้ำได้ชูตบอลเล่น
พร้อมทั้งยังมีโกลล์ของโปโลน้ำติดตั้งไว้อย่างชั่วคราวอีกด้วย
สาวน้อยกำลังพยายามเล่นหมากรุกชายหาด
กิจกรรมกลุ่มด้วยการแข่งโปโลน้ำก็ได้
อีกมุมสวย
อุปกรณ์กีฬาที่ใช้ได้ไม่เสียเงินเพิ่ม
ลองเล่นเรือใบก็ไม่เลวนะ เพราะถ้าไปหาเล่นเองราคาค่อนข้างแพง
ถัดมาก็เป็นอาณาบริเวณสนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นสำหรับคุณหนูหลายชนิด
ใกล้ๆ กันก็จะมีตัวหมากรุกสากลขนาดใหญ่ตั้งไว้กับพื้นที่ทำเป็นตารางหมากรุกให้เดินกัน
สงสัยว่านี่ถ้าใครที่เป็นคู่มือกันมาเล่นด้วยกันละก็กล้ามคงจะขึ้นเป็นมัด ๆ
แน่นอนเผลอ ๆ จบเกมส์แล้วจะนอนซมเอาเลยนะไม่ว่า
ใกล้ๆ
กับสนามหมากรุกก็จะเป็นพื้นที่ๆจัดกิจกรรมเวิร์คช็อบต่าง ๆ เช่น งานหัตถกรรม, ทำอาหาร
และ อื่น ๆ
Work Shop ในหลากหลายกิจกรรม เวลานี้สอนถักรูปนก
ได้มาหนึ่งตัว
เลยจากสำรวจกิจกรรมแล้วก็ถึงคราวสำรวจร้านอาหารภัตตาคารบ้างหละ..แฮ่ม
นี่หละวัตถุประสงค์หลักเลยล่ะสำหรับรายการ All inclusive ของผม
เริ่มภัตตาคารอาหารอิตาเลียนก่อนเลย
อ้อ! ยังไม่เปิดแฮะ
เขียนบอกไว้ว่าเปิดบริการเวลา 1700 – 2230...ไม่เป็นไร อาฆาตไว้ก่อนเลยเดินเฉไฉไปดูที่คาเฟ่ที่จัดไว้สำหรับบริการอาหารเช้า,
กลางวันยันไปถึงเที่ยงคืน ก็เลยทดลองสั่งคอกเทลมาดื่มเรียกความสดชื่นซะหน่อย
...โอย แจ่มครับแจ่มจริง ๆ คิดในใจว่าเริ่มคุ้มแล้ว ๆ
ภัตตาคารอิตาเลียน La Cascata บรรยากาศดี อาหารอร่อย
ต่อไปก็เป็นคิวอาหารซีฟู้ดประเภทปิ้งย่างทั้งหลาย..ผมลองสั่งเมนูอาหารทะเลย่างพร้อมคอกเทลแล้วตบท้ายด้วยไอศครีมเย็น
ๆ ริมชายหาด โอ๊ย..ซู๊ดยอดอย่าบอกใคร...
ภัตตาคาร Fisherman Grill ริมชายหาด รับลมเย็นเต็มๆ
ลอง Tuna Steak ดูก่อนเพื่อเรียกน้ำย่อย
ต่อด้วยไอศครีมดับร้อน
ยังครับยังไม่พอเดินเลียบชายหาดไปหน่อยไปที่ร้านอาหารจีนที่ชื่อ
Shopsticks ที่ตั้งอยู่ที่โรงแรม
Club Mirage ที่อยู่ใกล้กันและก็ลองสั่งอาหารจีนมาทานอีกหนึ่งชุด
โอย..ตายครับตาย..เดินกลับเกือบไม่ไหวกะว่าจะเรียกให้พนักงานโรงแรมเอาสปีดโบ๊ตมาลากกลับซะแล้ว
ที่ Shop sticks เริ่มด้วยน้ำผลไม้ปั่นและซุป
ตามด้วยอาหารเซ็ท ที่เห็นนี้กินคนเดียวนะครับ..เอื๊อก
ตบท้ายด้วยผลไม้ล้างปาก
จากภัตตาคารอาหารจีนผมเดินตุรัดตุเร่ออกมาด้านหน้าโรงแรมเพื่อสำรวจตามความอยากรู้อยากเห็น
ก็พบว่าถนนด้านหน้าโรงแรมนั้นเป็นถนนที่เลียบไปตามชายหาดสู่ Tanjung Benoa ชายหาดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งและฝั่งตรงข้ามโรงแรมเรียงรายไปด้วยร้านอาหารและร้านนวดเพื่อสุขภาพในสไตล์
Bali massage ซึ่งการนวดสไตล์บาหลีนี้นับได้ว่าเป็นการนวดที่มีชื่อเสียงที่สุด
1 ใน 3 ของโลก อีกสองประเภทที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ Thai และ
Swedish massage นั่นเอง
จุดเด่นของการนวดแต่ละอย่างก็คือ
การนวดไทยนั้นจะใช้การจับเส้นและดัดกล้ามเนื้อเป็นหลัก ซึ่งใครที่เคยนวดใหม่ ๆ
อาจจะถึงจับไข้ได้เลย สำหรับการนวดแบบสวีดิชนั้นจะเน้นการผ่อนคลายแบบเบา ๆ สบาย ๆ
ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวหนังมากกว่า รูปแบบนี้อาจไม่สะใจพวกซาดิสม์สักเท่าไรแต่หนุ่ม
ๆ ของจะชอบ (ถ้าได้ Terrapist ที่สาวๆ สวย ๆ นะ)
ส่วนการนวดแบบบาหลีนั้นจะเน้นวิธีการยืดกล้ามเนื้อแบบเบา ๆ
ผสมกับการใช้ฝ่ามือคลึงซะเป็นส่วนมาก
ถึงตอนนี้มีคนคงอยากถามว่า
แล้วที่บาหลีมีนวดที่กำลังฮิตในบ้านเราแบบนวดกะปู๋มั๊ย ฮ่า..ขอตอบว่าไม่มีนะคร๊าบ
เพราะนวดแบบนี้เห็นจะมีแต่ในไทยและญี่ปุ่นเท่านั้นกระมัง..
แต่ก็ว่าไม่ได้นะครับเพราะว่า Erotic Massage นี้ก็กำลังขยายตัวเติบโตไปตามเมืองใหญ่
ๆทั่วโลกเหมือนกัน (สงสัยว่าจะแอบมาดูงานที่เมืองไทย)..
หลังจากเมียงๆ
มอง ๆ มาได้สักพัก ดูบรรยากาศร้านและการตกแต่งพร้อมทั้งพิจารณารูปร่างหน้าตาและฝ่ามือพิฆาตของบรรดาหมอ
ๆ แล้วก็เลยเลือกที่จะผลุบเข้าไปในร้านหนึ่งเพื่อทดลองดูว่างั้นเถอะ
ร้านที่ว่านี้มีคุณแม่และคุณลูกท่าทางเป็นเจ้าของร้านมาบริการให้ด้วยตัวเองเลย
ในราคาประมาณ
60,000 รูเปียส์ (ประมาณ 225 บาท) กับเวลา 90 นาที
ก็ถือว่าการนวดนั้นประสบความสำเร็จด้วยดี คือคนนวดก็นวดไป
ส่วนคนถูกนวดก็หลับไปกรนไป ถือว่าใช้ได้ ๆ
ส่วนจะนวดถูกใจหรือไม่อย่างไรตอบว่าไม่รู้เพราะหลับ...แฮ่ม
ซัดเซพเนจรจากหน้าโรงแรม
Club Mirageเดินเรื่อย
ๆ มาเรียง ๆ จนถึงหน้าโรงแรม Grand Mirage ก็พบกับร้านนวดอีกมากมายหลายร้านกับหมอสาว
ๆ สวยๆ ก็เลยนึกในใจว่าเดี๋ยวเหอะ ๆ ฝากไว้ก่อนนะพรุ่งนี้จะมาใหม่..
เดินกลับเข้าไปในโรงแรมคราวนี้เลยได้เห็นบรรยากาศหน้าโรงแรมชัด
ๆ เสียที เพราะตอนเดินทางเข้ามาเช็คอินนั้นรถมาส่งจนเทียบบันไดขึ้นเลย...ด้านหน้าโรงแรม
Grand Mirage นั้นที่จริงแล้วเขาตกแต่งประดับประดาไว้อย่างดีด้วยน้ำพุที่พ่นออกมาจากงวงช้างที่เรียงรายและตกแต่งในลักษณะบาหลีสไตล์
พอเดินเข้าไปในลอบบี้ก็จะพบกันน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลจากชั้นสองของโรงแรมลงสู่ด้านล่างที่มีปลาคาร์ปมากมายว่ายอยู่
เดินเลยไปอีกหน่อยก็จะเป็น Shopping Arcade ที่มีร้านเสื้อผ้าและขายของที่ระลึกซึ่งอยู่ทางเดียวกับทางไปห้องประชุมขนาดใหญ่
ช้างพ่นน้ำที่หน้าโรงแรม
Lobby ใหญ่โตโอ่โถงแต่เป็น Open air
สวนน้ำตก ในบ่อมีปลาคาร์ปสวย ๆ มากมาย
ส่วนของ Shopping Arcade
ผมเลือกที่จะเข้าไปเยี่ยมชม
Fitness Center และ Game Room
ก็ได้เห็นอุปกรณ์และเครื่องเล่นมากมายหลายชนิดพร้อมด้วยเทรนเนอร์ที่คอยให้บริการอยู่
ส่วนเกมส์รูมนั้นก็มีกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งสนุกเกอร์, ดาร์ท, ไพ่และอีกตั้งหลายอย่าง
ผมก็เลยยกแขนใช้บัตรเบ่งแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอให้อินเตอร์เนตฟรีโดยโชว์ข้อมืองาม
ๆ ให้ดู
ก็เลยได้รับการต้อนรับขับสู้ด้วยดีพร้อมบริการอินเตอร์เนตให้วันละหนึ่งชั่วโมงตามสิทธิที่อินเตอร์เนตคาเฟ่...
ส่งท้ายของวันผมกลับมาเดินที่ชายหาดอีกครั้งเพื่อสัมผัสกับแสงสียามย่ำค่ำ
ที่ชายหาดนูสาดัวนั้นจะเป็นชายหาดทางด้านตะวันออกของเกาะบาหลี
ซึ่งสามารถมองเห็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นจากหน้าชายหาดได้อย่างชัดเจน
ส่วนพระอาทิตย์ตกนั้นไม่สามารถเห็นได้ แต่ผมก็ได้พบกับทะเลสีครามและเกลียวคลื่นที่ทะยอยซัดฝั่งกับสายลมเย็นที่มาปะทะใบหน้าทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
เตียงอาบแดด ตอนนี้ยังร้างผู้คน
มีการแข่งขันฟุตบอลชายหาดด้วย ใครสนใจลงขื่อร่วมทีมได้
หรือจะเลือกเล่นกีฬาทางน้ำก็ได้ มีครูฝึกคอยดูแล
...อย่างน้อยก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เราปล่อยใจให้อยู่กับธรรมชาติโดยปราศจากการเร่งรัดของเวลาและสิ่งแวดล้อม
ให้อารมณ์ของเราอยู่กับความสงบนิ่ง มีสายลมที่โลมไล้อยู่รอบกายกับเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดฝั่งเป็นเพื่อนปลอบความเหงา...
ตามที่ผมเห็นจากเอกสารของโรงแรมบอกว่าในเวลาหนึ่งทุ่มตรงจะมีการแสดงทางวัฒนธรรมที่บริเวณลานอเนกประสงค์ที่เป็นบริเวณที่จัดเลี้ยงกลางแจ้ง
ผมเลยลองเตร่เข้าไปดูก็พบว่าเป็นฟังก์ชั่นส่วนหนึ่งของโรงแรมที่เขาจะจัดให้มี Dinner with show ในทุกวันอังคาร,
พฤหัส และอาทิตย์
ในบริเวณนั้นมีเวทีการแสดงขนาดใหญ่ที่ยกสูงอย่างถาวรตั้งอยู่พร้อมด้วยประตูแห่งความดีและเลวที่มีลักษณะเหมือนสถูปที่ผ่าครึ่งซีกตั้งแยกฝั่งไว้ตามแบบฉบับของบาหลี
รอบด้านนั้นทางโรงแรมกำลังจัดเตรียมไลน์อาหารและซุ้มต่าง ๆ
เพื่อให้บริการกับแขกของโรงแรม
ส่วนบนเวทีนั้นกำลังมีการแสดงจากนักดนตรีที่ร้องเพลงสากลขับกล่อมบรรยากาศให้รื่นเริง...
ในเมื่อการแสดงพื้นเมืองยังไม่ได้เริ่มขึ้นผมเลยเดินไปในบริเวณสวนของโรงแรมที่เห็นคนกำลังมุงดูอะไรกันอยู่เป็นกลุ่ม
ๆ ก็ได้พบกับการจัดวางแผงขายสินค้าเร่ในแนวแบกะดินแบบตลาดนัดเมืองไทยซึ่งมีอยู่สามสี่ร้านด้วยกัน
สินค้าที่ขายนั้นทุกร้านจะเป็นของที่ระลึกจำพวกสร้อยคอลูกปัด, กำไลข้อมือ,
ผ้าบาติก, ไม้แกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ, ภาพวาดสีน้ำมัน และ อื่น ๆ
อีกมากมายหลายชนิดซึ่งราคานั้นเรียกได้ว่าถูกมากแถมต่อรองได้อีกต่างหาก
พวกร้านค้าต่าง ๆ
นี้เขาได้รับอนุญาตจากโรงแรมให้เข้ามาขายได้อย่างจำกัดจำนวนร้านและก็สามารถวางขายได้เฉพาะยามค่ำคืนเท่านั้น
ซึ่งก็นับได้ว่าเป็นกิจกรรมอีกอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้เพลินเพลินกับการเลือกซื้อสินค้านานาชนิดเป็นที่ระลึก
แผงขายของที่ระลึก ราคาถูกมากขอบอก..
งานฝีมือสวย ๆ ตรึม
ผมได้เดินกลับเข้าไปยังลานอเนกประสงค์อีกครั้งเพื่อชมการแสดงเมื่อเวลามาถึง
ในค่ำคืนนี้นั้นเป็นการแสดง Kejak Dance ซึ่งจำลองการแสดงของหนุมานและเหล่าวานรที่ปราบปรามเหล่ามาร
การแสดงนี้จะเต็มไปด้วยเสียงลิงที่ร้อง คีจั๊ก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เล่นเอานอนละเมอคีจั๊กๆๆๆๆๆ
ไปกับเขาทั้งคืน...
มีดนตรีกล่อมบรรยากาศก่อนการแสดงจะเริ่ม
การแสดงทางวัฒนธรรมจะเปลี่ยนหมุนเวียน แต่วันนี้ได้ดู Kejak Dance
ที่จริงแล้วนอกจากการแสดงชุดวัฒนธรรมที่โรงแรมจัดให้ชมเป็นประจำแล้ว
ทางโรงแรมได้สร้างศูนย์การแสดงใหม่ในชื่อ Devdan ซึ่งศูนย์การแสดงใหม่นี้จะมีความโอ่อ่าและตระการตามาก
ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหน้าตาแห่งใหม่ของเกาะบาหลีเลยทีเดียว ผมได้พบกับผู้จัดการชาวยุโรปของโรงละคร Devdan
และได้คุยกันก็เลยรู้ว่าแกเป็นผู้คร่ำหวอดกับการแสดงเวทีนี้มาอย่างยาวนาน
และได้ศึกษาเปรียบเทียบธุรกิจนี้ในประเทศต่างๆ เป็นอย่างดี
แกรู้ว่าผมมาจากเมืองไทยก็เลยยกตัวอย่างสยามนิรมิตมาเปรียบเทียบให้ฟังว่าของเรากับของเขานั้นมีจุดอ่อนจุดแข็งที่แตกต่างกันอย่างไร...ในความรู้สึกของผมนั้นผมว่าสยามนิรมิตนั้นก็ถือได้ว่ายอดเยี่ยมทั้งการแสดงและฉากอยู่แล้ว
แต่ Devdan ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าเราแต่อย่างใด
ที่มากกว่าก็เห็นจะเป็นรูปแบบการแสดงที่ Devdan จะออกแนวกายกรรมที่ต้องใช้ทักษะของนักแสดงที่มากกว่าเรา..และอีกอย่างก็คือค่าเข้าชมไงครับ..ค่าเข้าชมของเขาแพงกว่าเราแต่ก็เป็นที่นิยมชมชอบและ
A must to see ของชาวต่างชาติที่มาเที่ยวบาหลีเหมือนกัน...
ก่อนปิดท้ายของวันผมได้กลับมาที่ภัตตาคาร
La Cascata ภัตตาคารอาหารอิตาเลียนตามที่อาฆาตไว้..เช่นเดิมครับเบ่งเข้าไปด้วยการโชว์ข้อมืออวบ
ๆ
พนักงานก็ได้พาไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับเอาข้าวตอกดอกไม้มาโปรยต้อนรับพร้อมกับนำเมนูมาให้เลือก
ผมเลือกสลัด กับ ซุปฟักทองแสนอร่อยเป็น Entrée มีบาร์ขนมปังพร้อมชีสหลากชนิดให้เลือกตัก
และต่อด้วยพาสต้ากับกุ้งสดตัวใหญ่โรยหน้าด้วยพาเมซานชีสเป็นจานหลัก
ตามด้วยขนมหวานและเครื่องดื่มเย็นหอมชื่นใจ โอ..เท่านี้ก็สุขจนล้นคอหอยแล้วละครับ
ตอนนี้ต่อให้มีคอกเทลแสนอร่อยนานาชนิดมาให้เลือกจิบก็คงจะไม่ไหวแล้วครับ
เฮ้อ...ผมว่าชูชกก็ชูชกเหอะ มาเจอแบบ Unlimited อย่างนี้ก็คงถอดใจเหมือนกัน
กับวันเวลาที่แสนสุขที่ Grand Mirage Bali นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เวลา 4 วัน 3 คืน หรืออย่างน้อย 3 วัน 2 คืนนั้นเชื่อว่าจะทำให้นักเดินทางทุกคนได้พบกับห้วงเวลาแห่งการผ่อนคลายเพื่อเติมสุขในดวงใจเติมไฟให้ความฝันกับคืนวันที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง....
ซุปฟักทองมาในชามโตอย่างโหด..แต่หมดเรียบ
ต่อด้วย Penne Cheese ใส่กุ้งลายเสือตัวเบ้อเริ่ม
กับวันเวลาที่แสนสุขที่ Grand Mirage Bali นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เวลา 4 วัน 3 คืน หรืออย่างน้อย 3 วัน 2 คืนนั้นเชื่อว่าจะทำให้นักเดินทางทุกคนได้พบกับห้วงเวลาแห่งการผ่อนคลายเพื่อเติมสุขในดวงใจเติมไฟให้ความฝันกับคืนวันที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง....
ลองไปพักผ่อนกับที่
Grand Mirage Bali เถอะครับ เติมไฟให้ชีวิตหรือเรียกวันเก่า ๆ ของคนรักคุณคืนกลับมา จะไปเป็นคู่หรือเป็นหมู่คณะก็ขอให้มีความสุขกันทุกคนนะครับ.
ก่อนจบฝากมิวสิควีดีโอ"ไปทะเลกันดีกว่า" เมื่อ 30 ปีก่อนของคุณปานศักดิ์มาให้ฟังกันครับ
ก่อนจบฝากมิวสิควีดีโอ"ไปทะเลกันดีกว่า" เมื่อ 30 ปีก่อนของคุณปานศักดิ์มาให้ฟังกันครับ